โรคไต สังเกตด่วนคุณมีอาการเสี่ยงหรือไม่โรคไตเรื้อรังมักถูกเรียกว่า "ฆาตกรเงียบ" เพราะในระยะแรกผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใด ๆ เลย อาการจะเริ่มแสดงเมื่อไตเสียหายไปแล้วมากกว่า 75% ดังนั้น การรู้ว่าตัวเองอยู่ใน กลุ่มเสี่ยง และหมั่นสังเกต อาการเตือน จึงสำคัญมาก
1. สังเกตอาการเตือน (ถ้ามีควรรีบพบแพทย์)
หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าไตอาจทำงานผิดปกติ:
กลุ่มอาการ อาการที่ต้องสังเกต
ความผิดปกติของการปัสสาวะ 1. ปัสสาวะเป็นฟองมากผิดปกติ (มีโปรตีนรั่ว)
2. ปัสสาวะกลางคืนบ่อยผิดปกติ (ต้องลุกเข้าห้องน้ำมากกว่า 1 ครั้ง)
3. ปัสสาวะมีสีผิดปกติ (เช่น มีเลือดปน, สีแดง) หรือปัสสาวะออกน้อยลง
อาการบวม 4. บวมที่ใบหน้าและรอบดวงตา (มักเป็นตอนเช้า)
5. บวมที่ขา ข้อเท้า และเท้า (กดแล้วบุ๋มค้าง)
อาการทั่วไป 6. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเรื้อรัง ไม่มีแรง ซีดเซียว
7. เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีรสขมในปาก
อาการเฉพาะที่ 8. ปวดหลังหรือปวดบั้นเอว (กรณีเกิดจากนิ่ว หรือไตอักเสบเฉียบพลัน)
9. ความดันโลหิตสูง (ที่ควบคุมได้ยาก)
2. ตรวจสอบกลุ่มเสี่ยง (ถ้ามีควรรีบตรวจคัดกรองไต)
แม้ไม่มีอาการ แต่ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ คุณมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไต และควรได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพไตเป็นประจำทุกปี:
ลำดับ กลุ่มเสี่ยง เหตุผล
1 ผู้ป่วยเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำลายหลอดเลือดเล็ก ๆ ในไตโดยตรง
2 ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ความดันสูงที่คุมไม่ได้จะทำลายหลอดเลือดในไต ทำให้ไตเสื่อม
3 ผู้สูงอายุ ไตจะเสื่อมลงตามอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
4 ผู้ที่มีประวัติโรคไตในครอบครัว มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม
5 ผู้ที่มีโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน, โรคเกาต์, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรค SLE (โรคแพ้ภูมิตัวเอง)
6 ผู้ที่ใช้ยาหรือสารทำลายไตเป็นประจำ เช่น ยาแก้ปวดข้อกลุ่ม NSAIDs เป็นเวลานาน หรือรับประทานยาชุด/สมุนไพรที่ไม่ทราบที่มา
7 ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง การรับประทานอาหารรสเค็มจัด หวานจัด มันจัด หรือผู้ที่สูบบุหรี่
ข้อสรุป: การตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจเลือด (ค่า Creatinine และ eGFR) และตรวจปัสสาวะเพื่อหาโปรตีนรั่ว คือวิธีที่ดีที่สุดในการรู้ภาวะไตก่อนจะมีอาการ หากตรวจพบในระยะเริ่มต้น จะสามารถชะลอความเสื่อมของไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ