โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมก่อนและค่อยให้ใช้ยารักษาควบคู่ไปด้วย โดยการรักษาจะพิจารณาตามต้นเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลจะขึ้นอยู่กับสุขภาพและอายุของผู้ป่วย
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการรักษาโรคความดันโลหิต ผู้ป่วยอาจจะค่อย ๆ ปรับทีละน้อย เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจึงค่อยปรับให้มากขึ้นจนเป็นปกติ
ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
ผู้ป่วยควรปรับพฤติกรรมรับประทานอาหารwww.pobpad.com/อาหารลดความดันโลหิต-กินที่เคยชินบางอย่าง เพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาว และช่วยให้ควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตามคำแนะนำต่อไปนี้
จำกัดปริมาณโซเดียมในอาหาร ในแต่ละวันไม่ควรบริโภคโซเดียมมากกว่า 2,000 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา ซึ่งเฉลี่ยแล้วไม่ควรได้รับโซเดียมเกิน 600 มิลลิกรัมต่อมื้ออาหาร หากเตรียมอาหารเองควรลดปริมาณเกลือหรือโซเดียมให้มีปริมาณน้อยลง หรือดูฉลากอาหารและเครื่องปรุงรสก่อนรับประทาน และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มักมีโซเดียมสูง
เลือกประเภทอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ ควรเลือกรับประทานอาหารที่เน้นธัญพืช ผักและผลไม้ พืชตระกูลถั่ว ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ปลา ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแดง น้ำมันปาล์ม อาหารและเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยน้ำตาล
รับประทานอาหารต้านความดันสูงหรือ Dash Diet ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและหัวใจ เพื่อช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะเน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช มีไขมันและเกลือต่ำ ผู้ป่วยหรือคนปกติก็สามารถรับประทานได้
ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยปรับระดับความดันโลหิตไม่ให้สูงมากเกินไป และลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยให้ปรึกษาแพทย์ถึงประเภทการออกกำลังกายที่เหมาะสมและปลอดภัย และเลือกออกกำลังกายที่ออกแรงในระดับปานกลาง วันละ 30 นาที เช่น ว่ายน้ำและเดินเร็ว เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของหัวใจให้มีการใช้งานออกซิเจนมากกว่าปกติ
ผู้ป่วยควรวัดความดันก่อนออกกำลังกาย หากความดันสูงกว่า 160/110 มิลลิเมตรปรอท ควรได้รับยาควบคุมความดันโลหิตก่อนออกกำลังกาย และผู้ที่มีความดันโลหิตขณะพักสูงกว่า 180/110 มิลลิเมตรปรอท ให้หยุดออกกำลังกายแล้วรีบไปพบแพทย์
หากเกิดอาการผิดปกติขณะออกกำลังกาย เช่น เหนื่อยหอบจนไม่สามารถพูดได้ หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ชีพจรเต้นผิดปก เวียนศีรษะ หน้ามืด เหงื่อออกมาก ตัวเย็นผิดปกติ แขนขาไม่มีแรง ควรหยุดออกกำลังกายทันที
ควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วนควรลดน้ำหนักให้อยู่ในระดับปกติ เพราะจะช่วยให้การควบคุมความดันโลหิตทำได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพอื่นได้ 3–5% โดยปกติแล้วจะประเมินภาวะอ้วนและผอมในผู้ใหญ่ได้จากค่า BMI โดยเอาน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ซึ่งค่าที่ได้ควรไม่เกิน 25
ค่าที่ได้ต่ำกว่า 18.5 หรืออยู่ระหว่าง 18.5-24.9 แสดงว่ามีน้ำหนักตัวปกติ
ค่าที่ได้อยู่ระหว่าง 25-29.9 แสดงว่ามีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ
ค่าที่ได้มากกว่า 30 แสดงว่าเป็นโรคอ้วน
จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มสูงขึ้นของความดันโลหิตและไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันในเลือดประเภทหนึ่ง และยังเป็นการเพิ่มแคลอรี่ที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วน ดังนั้นควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน
ผู้ชายไม่ควรดื่มเกิน 2 หน่วยมาตรฐานต่อวัน และผู้หญิงไม่ควรดื่มเกิน 1 หน่วยมาตรฐานต่อวัน โดยค่าประมาณของ 1 หน่วยมาตรฐานเทียบเท่าได้กับเบียร์ 1 แก้วหรือ 285 มิลลิลิตร ไวน์ 1 แก้วเล็กหรือ 100 มิลลิลิตร และเหล้า 1 แก้วหรือ 30 มิลลิลิตร
การรักษาโรคความดันสูง ความดันโลหิตสูง (Hypertension) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/