Instagram หรือ IG ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่หลายแบรนด์ใช้เพื่อโปรโมท โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจสาย Fashion, Travel หรือ Liftstyle และถ้าหากคุณอยากเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้แจ้งเกิดบน Instagram นี่คือ 9 วิธีที่แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกนิยมใช้กัน
1. เปลี่ยนไปใช้บัญชีธุรกิจ
หลายคนอาจสงสัยว่า บัญชีทั่วไป กับ บัญชีธุรกิจต่างกันยังไง?
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ บัญชีทั่วไปนั้นก็เหมือนกับ Facebook ส่วนตัวที่เราใช้โพสต์ พูดคุยกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว แต่สำหรับบัญชีธุรกิจ จะเป็นเหมือนกับ Facebook Page ที่ใช้สำหรับโปรโมทธุรกิจสร้างคอนเทนต์เพื่อให้ผู้คนมากมายมากดติดตามเรา และสามารถลงโฆษณาได้
บัญชีธุรกิจนั้นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยในการโปรโมทธุรกิจได้หลากหลายตัวอย่างเช่น
Instagram Insights สำหรับดูข้อมูลเชิงลึกของ IG
Instagram ads ให้เราสามารถโปรโมท หรือยิงโฆษณาบน IG ได้
Instagram Shopping เปิดร้าน ให้ลูกค้ากดซื้อของได้เลยบน IG
หากเป้าหมายของคุณคือการทำธุรกิจบน Instagram แบบจริงๆ จังๆ ผมแนะนำให้ใช้ บัญชีธุรกิจ เพื่อให้ IG ของเราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
2. ใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน
Instagram มีพื้นที่ให้ใส่คำอธิบายเกี่ยวกับร้านค้าของเราอยู่ สูงสุด 150 ตัวอักษร แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีพอให้เราใส่ Contact เพราะบัญชีธุรกิจนั้นจะมีช่องให้เราใส่ข้อมูลการติดต่อแยกออกมาจากคำอธิบาย
โดยรวมแล้วสิ่งที่เราต้องใส่ใน Instagram Profile จะมีดังนี้
ชื่อธุรกิจ : ใส่ได้ 30 ตัวอักษร และเป็นส่วนที่แสดงในผลการค้นหา
ชื่อบัญชี : ใส่ได้ 30 ตัวอักษร แสดงอยู่ด้านบนสุดและเป็นส่วนที่แสดงในผลการค้นหาด้วย
เราจะเห็นได้ว่า สิ่งที่แสดงในหน้าผลการค้นหานั้นจะมี ชื่อธุรกิจ และ ชื่อบัญชี หลายๆ แบรนด์จึงนิยมตั้งชื่อบัญชีเป็นชื่อแบรนด์ และตั้งชื่อธุรกิจโดยใช้ Keyword เพื่อให้คนที่ค้นหาบน Instagram สามารถเจอร้านค้า หรือธุรกิจของเราได้ง่ายๆ
- Website : URL เว็บไซต์ของเรา ใครที่ยังไม่มีเว็บไซต์จะใส่เป็น Facebook Page, Shopee หรือ LINE Official Account แทนก็ได้
- ประเภทธุรกิจ : เป็นเหมือน Tag กำกับว่าธุรกิจของเราอยู่ในหมวดไหน ซึ่ง IG จะมีตัวเลือกขึ้นมาให้เราระบุได้
- ช่องทางการติดต่อ : ระบุอีเมลธุรกิจ เบอร์โทรติดต่อ และที่อยู่ลงไปได้ และเราสามารถเปิดเพื่อใช้ข้อมูลเดียวกับ Facebook Page ได้ด้วย
- ปุ่ม Call-to-action : เป็นปุ่มที่ให้ลูกค้าสามารถคลิกเพื่อสั่งซื้อสินค้า, จองบัตร หรือจองที่พักได้ใน Instagram ผ่าน 3rd-Party ที่กำหนดไว้ ซึ่งในไทยอาจไม่ค่อยเห็นคนใช้กัน แต่ถ้าแบรนด์คุณลองหยิบมาใช้รับรองว่าคูลสุดๆ
3. ทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ
Instagram นั้นจะสื่อสารกันด้วยภาพเป็นหลัก ดังนั้นคอนเทนต์ที่เราโพสต์ต้องเป็นภาพที่ดูดี แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องใช้กล้องถ่ายรูปเหมือนมืออาชีพก็ได้ การจะทำให้ภาพดูดีได้นั้นขึ้นอยู่กับความชัด มีแสงที่เพียงพอต่อการถ่ายภาพ หรือมีการจัดองค์ประกอบให้ดูน่าสนใจ หากคุณยังนึกไม่ออกว่าต้องการทำคอนเทนต์แบบไหน นี้คือไอเดียที่ผมอยากลองนำเสนอ
- ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ – การถ่ายภาพเบื้องหลังเป็นอีกมุมหนึ่งที่สามารถสร้างความสนใจได้เช่น ขั้นตอนระหว่างการทำอาหาร เบื้องหลังการผลิต หรือถ่ายแฟชั่น
- คำคม หรือการใช้ข้อความในการสื่อสาร – คอนเทนต์ที่โพสต์บน IG ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรูปภาพเสมอไป หากเรามีการจัดวางข้อความในรูปภาพให้สวยงาม โพสต์นั้นก็สามารถดึงดูดคนได้เช่นกัน
- คำแนะนำ สาธิตการใช้งาน – เป็นการแนะนำวิธีการใช้งานสินค้า ยกตัวอย่างเช่น สินค้าเสื้อผ้า ก็จะเป็นคำแนะนำการเลือกเสื้อผ้า หรือสไตล์การแต่งตัวให้แมทช์กับรองเท้าในหลายๆ รูปแบบ
4. สร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์
เมื่อเรารู้แล้วว่า Instagram ของเราจะโพสต์คอนเทนต์แบบไหนบ้าง อีกเทคนิคที่ช่วยให้แบรนด์ของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์นั่นก็คือ การควบคุม Mood & Tone
ซึ่งการคุม Mood & Tone นั้นเราสามารถทำได้หลายวิธีเช่น
การออกแบบกราฟิกโดยอิงจาก CI ของธุรกิจ
การตกแต่งภาพด้วยฟิลเตอร์ หรือปรับโทนสีภาพให้ไปทิศทางเดียวกัน
การถ่ายภาพที่ให้ความรู้สึกคล้ายกันทุกรูป หรือให้อารมเหมือนกันกัน
การคุมโทนภาพนอกจากจะสร้างความน่าสนใจให้แบรนด์ของเราแล้ว ภาพลักษณ์ยังส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ และช่วยเพิ่มมูลค้าให้กับสินค้าของเราอีกด้วย
5. เขียนแคปชั่นให้ปัง
แม้ว่าสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ดีที่สุดสำหรับ Instagram คือรูปภาพ แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามการใส่ข้อความหรือแคปชั่นโดนๆ เข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มพลังให้กับคอนเทนต์
การเขียนแคปชั่นที่ดีต้องเขียนให้สั้น กระชับ และมี Key message สำคัญที่ต้องการจะสื่อสาร หากคอนเทนต์ที่จะโพสต์มีข้อมูลเยอะ หรือมี Story ที่ยาว การเขียนแคปชั่น 2 บรรทัดแรกควรเขียนเกริ่นหัวเรื่องให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดให้คนคลิกเพื่ออ่านต่อ
6. เลือกใช้ Hashtag ให้เหมาะสม
สำหรับ Instagram การใช้ Hashtag ถือเป็นอีกเทคนิคที่ช่วยให้โพสต์ของเราเข้าถึงคนได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างการใช้ Hashtag
- มีความเกี่ยวข้องกับโพสต์ เราอาจสร้างคอนเทนต์ที่กำลังเป็นเทรนด์แล้วใช้ Hashtag เพื่อเกาะกระแส สร้างโอกาสให้คนเห็นโพสต์ของเรามากยิ่งขึ้นได้
- ใช้สำหรับแบรนด์ตัวเองเท่านั้น วิธีนี้เราจะเห็นได้จากแบรนด์ต่างๆ ที่กำลังทำ Campaign หรือมี Event บางอย่างอยู่เช่น การจัด Event #commartthailand #อยากได้คอมใหม่ต้องไปคอมมาร์ต
7. เลือกโพสต์ในเวลาที่เหมาะสม
รู้หรือไม่ เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการโพสต์คอนเทนต์บน IG ของธุรกิจแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน
Hootsuite ได้ทำการสำรวจ และวิเคราะห์โพสต์ทั้งหมด 258,956 โพสต์ จาก 11 ประเภทธุรกิจ พบว่า นี่คือช่วงที่สุดสำหรับการโพสต์คอนเทนต์ของแต่ละธุรกิจ
ธุรกิจทัวร์ และท่องเที่ยว : วันศุกร์ เวลา 9.00 น. ถึง 13.00 น.
สื่อ และความบันเทิง : วันอังคาร และพฤหัสบดี เวลา 12.00 น. ถึง 15.00 น.
อาหาร และเครื่องดื่ม : วันศุกร์ เวลา 12.00 น.
ธุรกิจขายปลีก : วันอังคาร พฤหัสบดี และศุกร์ เวลา 12.00 น.
ธุรกิจบริการ : วันอังคาร พุธ และศุกร์ เวลา 9.00 น. และ 10.00 น.
ไม่แสวงหาผลกำไร : วันอังคาร เวลา 10.00 น. และ 16.00 น.
ธุรกิจขายส่งแบบ e-Commerce : วันพฤหัสบดี เวลา 16.00 น. และ 21.00 น.
ยา และสุขภาพ : วันพุธ และอาทิตย์ เวลา 9.00 น.
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย : วันพฤหัสบดี และศุกร์ เวลา 13.00 น. ถึง 15.00 น.
เทคโนโลยี : วันจันทร์ และอังคาร เวลา 14.00 น.
การศึกษา : วันพฤหัสบดี เวลา 16.00 น. – 17.00 น.
*ข้อมูลนี้มาจากการสำรวจจากธุรกิจหลายๆ ประเทศ อาจมีความคลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย แต่สามารถเป็นข้อมูลอ้างอิงได้
8. Instagram Stories & Highlight Stories
อีก 2 เทคนิค ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากบน Instagram โดย 50% ของธุรกิจที่อยู่บน IG ใช้ Stories ในการโปรโมทธุรกิจ
Instagram Stories
สำหรับ Instagram Stories ที่มีระยะเวลาแสดงเพียง 24 ชั่วโมง ทำให้เนื้อหาค่อนข้างน่าสนใจดูสดใหม่อยู่ตลอดเวลา หลายธุรกิจมักจะใช้เทคนิคในการโปรโมทดังนี้
- การเล่าเรื่อง : เป็นการโพสต์เรื่องราวต่างๆ ของธุรกิจในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น สินค้าเครื่องทำกาแฟ ก็อาจเป็นสาธิตการใช้งานเครื่อง สอนทำกาแฟในตอนเช้า
- สร้างการโต้ตอบ : เป็นการใช้ฟีเจอร์ของ Stories แบบสำรวจ หรือ การตอบคำถาม ตัวอย่างเช่น คุณอยากให้สินค้าชิ้นไหน ลดราคาในเดือนหน้า? A หรือ B
- สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า : เป็นการสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะเช่น การแชร์ภาพรีวิว หรือคอมเม้นต์จากลูกค้าลงใน Stories พร้อม Caption ในภาพเพื่อแสดงคำขอบคุณ
Highlight Stories
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ธุรกิจนำมาประยุกต์ใช้กับแบรนด์ได้ และสร้างความน่าสนใจให้กับโปรไฟล์ธุรกิจเป็นอย่างมาก
ฟีเจอร์ Highlight Stories นั้นช่วยให้เราสามารถสร้างอัลบั้มของ Stories ขึ้นมาได้ เหมือนเป็นการนำ Instagram Stories ที่เด่นๆ มาแสดงไว้บนหน้าโปรไฟล์ และทำให้มันไม่หายไปหลังครบ 24 ชั่วโมงแล้ว
นอกจากนี้เรายังสามารถทำปกอัลบั้มของ Highlight Stories ได้อีกด้วย ทำให้หลายแบรนด์นำมาประยุกต์ใช้โดยการทำปกอัลบั้มขึ้นมาเพื่อแบ่งเนื้อหาของ Stories ให้คนที่เข้ามาดูโปรไฟล์สามารถเลือกดูได้ตามต้องการ
9. ขยายการเข้าถึงด้วย Instagram ads
หากคุณต้องการให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าให้มาก และเร็วที่สุด แน่นอนคงหนีไม่พ้นการลงโฆษณาบน Instagram
การลงโฆษณาบน IG คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับความต้องการของคุณได้ ผมขอยกตัวอย่างธุรกิจเป็น ขายเสื้อโค้ช เสื้อกันหนาว
ข้อมูลประชากร – กลุ่มคนแบบไหนที่เหมาะกับสินค้าของคุณ เพศ อายุ ภาษาที่ใช้
ความสนใจ – คนที่เหมาะกับสินค้าของคุณต้องมีความสนใจแบบไหน ชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายภาพ หรือช้อปปิ้ง
พฤติกรรม – Facebook และ Instagram สามารถศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ ทำให้เราสามารถกำหนดได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราโปรโมท มีประวัติไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย หรือพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ 1 หรือ 2 สัปดาห์
สถานที่ หรือที่อยู่อาศัย – หากร้านขายเสื้อโค้ชมีหน้าร้านอยู่ด้วย เราก็สามารถโปรโมทให้คนที่อยู่ในรัศมี 1-5 กิโลเมตร เห็นโพสต์ของเราได้ เพิ่มโอกาสให้คนเข้ามาที่ร้านของเรา
นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกโปรโมทไปหาคนที่มีความชอบคล้ายกับคนที่ติดตามเราได้อีกด้วย
หากเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ก็จะช่วยให้เราลงโฆษณาได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น และประหยัดงบในการโฆษณา
Get Started !
เริ่มจากการเปลี่ยนไปใช้บัญชีธุรกิจ แล้วใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนน่าเชื่อถือ ทำคอนเทนต์โดยใช้ภาพที่น่าสนใจ พร้อมคุมโทนภาพเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ ใส่แคปชั่นให้ปังพร้อมติด Hashtag ที่สำคัญต้องโพสต์ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนเข้าถึงโพสต์ของเราได้มากขึ้น
9 เทคนิค ทำการตลาดออนไลน์ด้วย Instagram อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/