แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 69
1
ข้อมูลโรค ก้างปลา/กระดูกติดคอ

ก้างปลา หรือเศษกระดูกเป็ดไก่อาจติดคอ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บในคอและกลืนลำบากทันทีขณะกินอาหาร

ถ้าเป็นก้างปลาขนาดเล็ก ๆ อาจหลุดได้เองในเวลาต่อมา หรือการกลืนก้อนข้าวสุกหรือขนมปังนิ่ม ๆ อาจช่วยให้หลุดได้


สาเหตุ

เกิดจากการขาดความระมัดระวังในการกินอาหารประเภทปลาหรือเป็ดไก่


อาการ

ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บในคอและกลืนลำบากทันทีขณะกินอาหาร


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าก้างปลาหรือเศษกระดูกมีขนาดใหญ่ อาจคาอยู่ในลำคอ ทำให้เกิดการอักเสบเป็นหนองได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากการบอกเล่าอาการของผู้ป่วย และตรวจพบมีก้างปลาหรือเศษกระดูกเป็ดไก่ติดคาที่บริเวณคอหอย หากไม่แน่ใจแพทย์อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือส่องตรวจที่คอหอย


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ใช้ไฟฉายส่องดูภายในลำคอ ถ้ามองเห็นก้างหรือเศษกระดูกชัดเจน ให้ใช้คีมหรือปากคีบหยิบออก ส่วนมากมักจะติดอยู่ที่ข้าง ๆ ทอนซิล

2. ถ้ามองไม่เห็นและสงสัยเป็นก้างปลาหรือเศษกระดูกชิ้นใหญ่ อาจต้องใช้เครื่องมือส่องเข้าไปในลำคอคีบเอาออก


การดูแลตนเอง

ถ้ารู้สึกมีก้างปลาหรือเศษกระดูกติดคอ (มีอาการเจ็บคอทันที ระหว่างกินอาหาร) ให้กลืนก้อนข้าวสุกหรือขนมปังนิ่ม ๆ สัก 2-3 คำ

ถ้าหายเจ็บแสดงว่าได้ผล แต่ถ้าไม่หายเจ็บควรไปพบแพทย์


การป้องกัน

ควรระมัดระวังในการกินอาหารที่มีก้างปลาหรือกระดูกเป็ดไก่

ควรเคี้ยวอาหารในปากให้แน่ใจว่าไม่มีเศษก้างหรือกระดูกก่อนกลืน

2
จัดฟันบางนา: ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างการ จัดฟันแบบใส invisalign !

การจัดฟันนั้น หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว ก็อาจจะส่งผลข้างเคียงให้กับช่องปากของคุณ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะจัดฟันแบบไหน ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะร่างกายของเราและช่องปากของเรายังไม่ชินกับการที่มีเครื่องมืออยู่ภายในช่องปากตลอดเวลา การจัดฟันแบบใส invisalign ก็เช่นเดียวกัน ในช่วงที่ใส่อุปกรณ์ไปแรกๆ ช่องปากก็อาจจะยังไม่ปรับตัว หรือยังไม่เข้าที่นั่นเอง

ซึ่งเมื่อเราได้ทำการใส่เครื่องมือการจัดฟันเข้าไปในช่องปาก โดยเฉพาะการ จัดฟันแบบใส invisalign เมื่อใส่เครื่องมือไปในช่วงแรกๆ ช่องปากยังไม่ปรับตัว ทำให้ผลิตน้ำลายมากกว่าปกติ ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาก็ต้องปรับตัวให้ชินเช่นกัน แต่วิธีการแก้ปัญหาผลข้างเคียงนี้ แก้ได้ ด้วยการดื่มน้ำให้มากๆ ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ และหลังจากนั้น เมื่อเครื่องเข้าที่ดีแล้ว ร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือได้แล้ว ก็จะทำให้ช่องปากและฟันของคุณสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนเดิม

ซึ่งการจัดฟันทุกรูปแบบ มักจะมีปัญหาที่พบได้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยที่บางกรณีอาจจะทำให้พูดไม่ชัดบ้าง หรือเกิดแผลในช่องปากบ้าง ก้ไม่ต้องตกใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพียงแต่หลังจากที่เข้ารับการจัดฟันเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อให้มีผลการรักษาที่ดี รวมไปถึงการใช้งานของฟันที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กลับมามีรอยยิ้มที่มั่นใจอีกครั้ง


ขั้นตอนการจัดฟันแบบใส invisalign !

กาจัดฟันแบบใส ถือเป็นการจัดฟันในอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา ซึ่งถือว่าได้รับการยอมรัยจากทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ทางคลีนิค ก็มีทีมทันตแพทย์ ที่ได้รับการรองรับให้ทำการ จัดฟันแบบใส invisalign โดยการจัดฟันแบบใสนี้มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน โดยเริ่มจากการปรึกษาจากทันตแพทย์ เพื่อประเมินช่องปากในเบื้องต้น พิมพ์ฟันและ Scan เพื่อวางแผนการรักษา

หลังจากนั้นทันตแพทย์จะทำการสร้างแผนการรักษาด้วยระบบ 3D เพื่อแสดงการเคลื่อนตัวของรากฟันและตัวฟัน หลังจากนั้นจะมีการออกแบบเครื่องมือการจัดฟันแบบใส โดยผลิตจากอเมริกา เมื่อได้รับเครื่องมือแล้ว ทันตแพทย์จะส่งมอบเครื่องมือให้แก่ผู้ที่จัดฟัน โดยเครื่องมือนี้ ผู้ที่เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่เป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวัลนะ 20-22 ชั่วโมง และจะมีการเปลี่ยนเครื่องมือทุกๆ 2 สัปดาห์โยประมาณ

หลังจากนั้นทันตแพทย์จะทำการนัดให้ผู้ที่เข้ารับการจัดฟันทุกๆ 6-8 สัปดาห์ เพื่อตรวจช่องปากและติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมอบเครื่องมือการจัดฟันแบบใส invisalign ชุดต่อไป หลังจากการจัดฟันเสร็จสิ้นแล้ว ผู้จัดฟันจะต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อรักษารูปของฟันเอาไว้ ไม่ให้เลื่อนหรือเปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อผลการรักษาที่ดี หากสนใจจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส invisalign สามารถเข้ารับคำแนะนำจากทางคลีนิคได้ ทางเรายินดีให้บริการ

3
อาหารสายยางที่เหมาะสมกับโรคหลอดเลือดในสมอง

ปัจจุบันกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังนั้นเป็นกลุ่มโรคที่ไม่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่ได้เกิดจากการสัมผัสคลุกคลีหรือการติดต่อ แต่หากเกิดจากผลการใช้ชีวิตที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่าง เหล้า บุหรี่ ขาดการออกกำลังกายอาหารหรือความเครียด วันนี้จะพามารู้จักกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังชนิดหนึ่งคือ กลุ่มโรคหลอดเลือดในสมอง คือภาวะที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ตามปกติโดยหน้าที่นั้นเกิดจากการทำงานของหัวใจ เมื่อมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้เซลล์สมองค่อย ๆ ตายลงช้าๆ โดยโรคหลอดเลือดสมองแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดแรกคือชนิดสมองขาดเลือด เป็นชนิดของหลอดเลือดสมองที่พบมากที่สุดในกลุ่มโรคนี้ เกิดจากอุดตันที่มาจากปัญหาด้านหลอดเลือดทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไปเพียงพอ ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดร่วมกับภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง

ซึ่งมีสาเหตุมาจากไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดจนทำให้เกิดเส้นเลือดตีบแข็งและทำให้ผู้ป่วยมีอาการแสดงออกเกี่ยวกับทางสมองได้ และชนิดที่ 2 คือ ชนิดเลือดออกในสมอง ชนิดนี้นั้นเกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองแตก หรือฉีกขาดที่เกิดจากพยาธิสภาพของโรคหลายสาเหตุ ทำให้เลือดรั่วไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อสมองและทำให้ผู้ป่วยแสดงอาการทางสมองเช่นเดียวกัน โดยการดูแลเรื่องอาหารของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองนั้นหากขาดการป้องกันและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเฉพาะเรื่องของอาหารเพื่อคุมปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเช่นโรคความดันโลหิตสูง โดยการดูแลเรื่องอาหารของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองนั้นหากขาดการป้องกันและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเฉพาะเรื่องของอาหารเพื่อคุมปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเช่นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน

ทั้งนี้การจัดเตรียมอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อช่วยกลุ่มปัจจัยดังกล่าวที่เป็นสาเหตุให้กรอกเกิดโรคนั้นจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานสูงเช่น ทั้งนี้การจัดเตรียมอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อช่วยกลุ่มปัจจัยดังกล่าวที่เป็นสาเหตุให้กรอกเกิดโรคนั้นจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานสูงเช่น อาหารที่มีแป้งและน้ำตาล อาหารที่หวานจัด อาหารทอด อาหารไขมันสูงเป็นต้น นอกจากนี้จะต้องควบคุมระดับน้ำหนักตัวให้เหมาะสม เนื่องจากโรคอ้วนนั้นเป็นภาวะน้ำหนักเกินที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองได้  ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เลือกวิธีการปรุงอาหารที่ไม่ใช้น้ำมันหรือใช้น้ำมันน้อย เลือกใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันสัตว์ รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง

การดูแลเรื่องหารผู้ป่วยกลุ่มหลอดเลือดในสมองนั้น เบื้องต้นต้องทราบว่าผู้ป่วยนั้นมีภาวะแทรกซ้อนใดๆหรือไม่ หากอยู่ในกลุ่มโรคความดันโลหิตสูงจะต้องลดเค็ม หรืออยู่ในกลุ่มโรคเบาหวานจะต้องลดหวานลง วันนี้จะนำเสนอในกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดในสมองโดยตรงคือสูตรทั่วไปสำหรับโรคหลอดเลือดในสมอง มีวัตถุดิบดังนี้ น้ำตาลทรายหรือกลูโคส 5 ช้อนชา อกไก่ 3 ช้อนโต๊ะ ฟักทองนึ่งสุก 4 ชิ้น ข้าวต้มเปื่อย 3 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ต้มสุกใช้เฉพาะไข่ขาว 1 ฟอง น้ำมันพืช 1.5 ช้อนชา เกลือป่นไอโอดีน ¼ ช้อนชา น้ำต้มสุกหรือน้ำต้มผักกรองตามความเหมาะสม นำวัตถุดิบมาปั่นรวมกันให้ได้เนื้อเดียวและกรองเอากากออกเพื่อง่ายต่อการให้ผ่านสายยางให้อาหารในกรณีผู้ป่วยติดเตียงหรือไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้

อาการโรคทางหลอดลเลือดในสมองหากปล่อยไว้นานจะทำให้เกิดอาหารทางสมอง ผู้ป่วยหลายรายนั้นไม่สามารถควบคุมอาหารหรือพฤติกรรมได้มักจะกลับมาโรงพยาบาลในเรื่องอาการทางสมองไม่มากก็น้อย ด้วยอาการ มีอาการชาครึ่งซีกอ่อนแรงและหน้าเบี้ยว หรือมีอาการแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย พูดลำบาก หรือฟังไม่เข้าใจ เวียนศีรษะ การทรงตัวไม่ดี เดินเซ กลืนลำบาก ปวดศีรษะ พูดไม่ออก หรือไม่เข้าใจ หรือพูดไม่ชัด เป็นต้น ทางเราสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ได้รับอาหารที่ดีมีคุณภาพที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มโรคเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาหารของเราผลิตด้วยขั้นตอนที่สะอาด ปลอดภัยทุกขั้นตอน ทำให้คุณสามารถวางไว้ได้กับทางเรา

4
การใช้ผ้ากันไฟสำหรับอาคารขนาดเล็ก

ผ้ากันไฟเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับอาคารขนาดเล็ก เช่น บ้านพักอาศัย อพาร์ตเมนต์ หรือร้านค้า เนื่องจากช่วยป้องกันและลดความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยมีหลักการในการเลือกใช้ดังนี้:

1. ประเภทของผ้ากันไฟที่เหมาะสม

ผ้าใยแก้ว (Fiberglass):
เหมาะสำหรับใช้ในครัวเรือนทั่วไป เนื่องจากมีราคาไม่แพงและทนความร้อนได้ปานกลาง
สามารถใช้คลุมกระทะที่มีไฟลุก หรือใช้ดับไฟขนาดเล็กได้

ผ้าซิลิกา (Silica):
เหมาะสำหรับใช้ในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้สูง เช่น ห้องครัว หรือบริเวณที่มีเตาผิง
ทนความร้อนได้สูงกว่าผ้าใยแก้ว และมีความทนทานมากกว่า

ผ้าเคฟลาร์ (Kevlar):
เหมาะสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ใช้คลุมเฟอร์นิเจอร์ หรือใช้เป็นผ้าห่มกันไฟ
มีความแข็งแรงทนทานสูง และทนต่อการฉีกขาดได้ดี

2. ขนาดและรูปแบบที่เหมาะสม

ขนาด:
ควรมีผ้ากันไฟขนาดเล็ก (1x1 เมตร) ไว้ในห้องครัว เพื่อใช้ดับไฟขนาดเล็ก
ควรมีผ้ากันไฟขนาดกลาง (1x2 เมตร ถึง 2x3 เมตร) ไว้ในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้สูง เช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน
ควรมีผ้ากันไฟขนาดใหญ่ (3x5 เมตร หรือใหญ่กว่า) ไว้ในกรณีฉุกเฉิน

รูปแบบ:
ผ้าผืน: เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป และสะดวกในการจัดเก็บ
ผ้าห่ม: เหมาะสำหรับใช้คลุมตัวเพื่อป้องกันไฟ หรือใช้คลุมเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่
ผ้ากันเปื้อน: เหมาะสำหรับใช้ในห้องครัว เพื่อป้องกันสะเก็ดไฟจากการทำอาหาร

3. สถานที่ที่ควรมีผ้ากันไฟ
ห้องครัว: เป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟไหม้ ควรมีผ้ากันไฟไว้ใกล้เตาแก๊ส หรือเตาอบ
ห้องนั่งเล่น: หากมีเตาผิง ควรมีผ้ากันไฟไว้ใกล้เตาผิง เพื่อป้องกันสะเก็ดไฟ
ห้องนอน: ควรมีผ้ากันไฟไว้ในห้องนอน เพื่อใช้คลุมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูง เช่น เตารีด หรือเครื่องทำความร้อน
โรงจอดรถ: หากมีโรงจอดรถ ควรมีผ้ากันไฟไว้ในโรงจอดรถ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน

4. คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรมีผ้ากันไฟติดบ้านไว้อย่างน้อย 1 ผืน และเก็บไว้ในที่ที่เข้าถึงได้ง่าย
ควรฝึกซ้อมการใช้ผ้ากันไฟ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ควรเลือกซื้อผ้ากันไฟที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน

5
สร้างรายได้ ด้วยไข่เจียวหมูสับสไตล์ไทยกรอบนุ่มฟูไม่อมน้ำมัน ทำง่ายใช้วัตถุดิบน้อย

ไข่เจียวหมูสับแบบไทยหรือไข่เจียวหมูสับเป็นเมนูง่ายๆ แต่แสนอร่อยที่หาทานได้แทบทุกครัวเรือนของไทย ทำง่ายใช้วัตถุดิบน้อยและเข้ากันได้ดีกับข้าวสวย อย่างไรก็ตาม การทำไข่เจียวหมูสับกรอบฟูไม่อมน้ำมันเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน ทำง่าย ทานได้ทุกวัย เคล็ดลับที่ทำให้ไข่เจียวของคุณอร่อยสมบูรณ์แบบนี่คือวิธีทำไข่เจียวหมูสับที่สมบูรณ์แบบและง่ายดาย

วัตถุดิบ:
ไข่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
หมูสับ 50กรัม
น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
พริกไทยขาว 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา (ไม่จำเป็น เพื่อความนุ่มฟูยิ่งขึ้น)
น้ำเย็นหรือโซดา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอดอาหาร

คำแนะนำ:
เตรียมส่วนผสมไข่
ตอกไข่ใส่ชามแล้วตีให้เข้ากัน
ใส่หมูสับ น้ำปลา (หรือซีอิ๊วขาว) พริกไทยขาว น้ำมะนาว (ถ้าใช้) และน้ำเย็นหรือโซดา
ตีให้แรงเพื่อผสมอากาศเข้าไปในส่วนผสม ขั้นตอนนี้จะช่วยให้ไข่เจียวฟูขึ้นเป็นพิเศษ

ตั้งน้ำมันให้ร้อนอย่างเหมาะสม

ใช้กระทะก้นลึกหรือกระทะจีน ตั้งน้ำมันให้ร้อนจัดโดยใช้ไฟปานกลางถึงสูง น้ำมันควรร้อนพอที่จะให้ไข่เดือดปุดๆ ทันทีเมื่อคุณใส่ส่วนผสมไข่ลงไปเล็กน้อย
หากน้ำมันไม่ร้อนพอ ไข่เจียวจะดูดซับน้ำมันมากเกินไปและกลายเป็นมัน

การทอดไข่เจียว

เทส่วนผสมไข่ลงในกระทะจากที่สูงเล็กน้อยเพื่อสร้างชั้นนอกที่กรอบ
ปล่อยให้ทอดโดยไม่ต้องรบกวนประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที จากนั้นหมุนกระทะเบาๆ เพื่อให้สุกทั่วถึงกัน
เมื่อขอบเป็นสีน้ำตาลทองและกรอบ ให้พลิกไข่เจียวอย่างระมัดระวังและปรุงอีก 30 วินาที
ระบายน้ำมันส่วนเกินออก

ยกไข่เจียวออกจากกระทะแล้ววางบนกระดาษเช็ดครัวเพื่อซับน้ำมันส่วนเกินออก

เสิร์ฟและเพลิดเพลิน

เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลินึ่งและซอสศรีราชาหรือซอสพริกหวานสำหรับจิ้ม
เคล็ดลับสำหรับไข่เจียวที่กรอบนุ่มฟูสมบูรณ์แบบ:
✔ ใช้น้ำเย็นหรือโซดา – วิธีนี้จะช่วยให้อากาศเข้าไปในไข่ ทำให้ไข่เจียวฟูขึ้น
✔ ตีไข่ให้เข้ากัน – ยิ่งใส่อากาศเข้าไปมากเท่าไหร่ ไข่ก็จะฟูขึ้นเท่านั้น
✔ ใช้น้ำมันที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม – น้ำมันที่ร้อนจะทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่กรอบโดยไม่ทำให้ไข่เจียวมันเยิ้ม
✔ หลีกเลี่ยงการใส่เนื้อหมูมากเกินไป – การใส่เนื้อหมูสับมากเกินไปอาจทำให้ไข่เจียวแน่นแทนที่จะเบาและกรอบ

ไข่เจียวหมูสับไทยนี้ไม่เพียงทำง่ายและรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังน่าพอใจอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าคุณจะรีบเร่งหรืออยากทานอาหารจานโปรด จานนี้ก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ ลองทำวันนี้และเพลิดเพลินกับอาหารไทยแท้ๆ ที่บ้าน

6
ตรวจสุขภาพ: มะเร็งกระดูก (Bone Cancer)

มะเร็งกระดูกคือภาวะที่เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตผิดปกติในกระดูก สามารถเริ่มต้นที่กระดูกโดยตรง (มะเร็งกระดูกปฐมภูมิ) หรือแพร่กระจายมาจากมะเร็งส่วนอื่นของร่างกาย (มะเร็งกระดูกทุติยภูมิ หรือมะเร็งแพร่กระจายสู่กระดูก) ซึ่งมะเร็งกระดูกทุติยภูมิจะพบบ่อยกว่ามาก ในที่นี้เราจะเน้นไปที่มะเร็งกระดูกปฐมภูมิ ซึ่งเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในกระดูกโดยตรงค่ะ

ประเภทของมะเร็งกระดูกปฐมภูมิที่พบบ่อย
มะเร็งกระดูกปฐมภูมิมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์ที่กลายเป็นมะเร็ง โดยชนิดที่พบบ่อยได้แก่:

โอสทีโอซาร์โคมา (Osteosarcoma):

เป็นมะเร็งกระดูกที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ตอนต้น (ช่วงอายุ 10-20 ปี)

เซลล์มะเร็งสร้างเนื้อกระดูกที่ผิดปกติ

มักพบที่กระดูกยาว เช่น บริเวณรอบๆ หัวเข่า (กระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง) หรือกระดูกต้นแขน


คอนโดรซาร์โคมา (Chondrosarcoma):

เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์กระดูกอ่อน

พบบ่อยในผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40-70 ปี

มักพบที่กระดูกเชิงกราน กระดูกต้นขา กระดูกซี่โครง และกระดูกต้นแขน


มักเติบโตช้ากว่า Osteosarcoma

ยูอิงซาร์โคมา (Ewing Sarcoma):

เป็นมะเร็งที่พบน้อยกว่าสองชนิดแรก พบบ่อยในเด็กและวัยรุ่น (ช่วงอายุ 10-20 ปี)

เกิดจากเซลล์ต้นกำเนิดที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่

มักพบที่กระดูกเชิงกราน กระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง กระดูกซี่โครง และกระดูกต้นแขน

มะเร็งกระดูกชนิดอื่นๆ ที่พบน้อย: เช่น Fibrosarcoma, Malignant Fibrous Histiocytoma (MFH) of bone, Chordoma, Adamantinoma

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
สาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งกระดูกปฐมภูมิยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงได้:

ปัจจัยทางพันธุกรรม: บางภาวะทางพันธุกรรม เช่น Retinoblastoma หรือ Li-Fraumeni syndrome อาจเพิ่มความเสี่ยง

การรักษามะเร็งครั้งก่อน: ผู้ที่เคยได้รับการฉายรังสี (Radiation Therapy) ในปริมาณสูง หรือเคยได้รับยาเคมีบำบัดบางชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกระดูกในภายหลัง

โรคทางกระดูกบางชนิด: เช่น Paget's disease of bone (ในผู้สูงอายุ) หรือ Osteochondroma (เนื้องอกกระดูกอ่อนและกระดูกที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ในบางกรณี)

อาการของมะเร็งกระดูก
อาการของมะเร็งกระดูกมักจะค่อยๆ แสดงออกและแย่ลงเรื่อยๆ อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ:

อาการปวดกระดูก:

เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดและมักเป็นอาการแรก

อาการปวดอาจเริ่มจากการปวดเป็นๆ หายๆ หรือปวดเฉพาะเวลากลางคืน และจะค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

อาการปวดอาจแย่ลงเมื่อทำกิจกรรม หรือเมื่อลงน้ำหนักที่กระดูกส่วนนั้น

อาจปวดต่อเนื่องแม้จะพักผ่อนแล้วก็ตาม

อาการบวม หรือมีก้อน:

อาจคลำพบก้อนเนื้อนูนขึ้นมาบริเวณที่ปวด โดยเฉพาะบริเวณใกล้ข้อต่อ

ผิวหนังเหนือบริเวณนั้นอาจอุ่นขึ้น

กระดูกหักง่าย:

กระดูกที่อ่อนแอจากมะเร็งอาจหักได้ง่าย แม้ได้รับการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย (Pathological Fracture)

อาการอื่นๆ (พบน้อยกว่า):

น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

อ่อนเพลีย

ไข้ (โดยเฉพาะใน Ewing Sarcoma)

ข้อควรระวัง: อาการเหล่านี้คล้ายกับอาการของโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่มะเร็งกระดูก เช่น การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือการติดเชื้อ ดังนั้นหากมีอาการต่อเนื่อง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยมะเร็งกระดูกโดยอาศัยหลายวิธีร่วมกัน:

การซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะสอบถามอาการ ประวัติสุขภาพ และตรวจร่างกายบริเวณที่ปวดหรือมีก้อน

การตรวจทางภาพรังสี (Imaging Tests):

X-ray: เป็นการตรวจเบื้องต้นที่สามารถมองเห็นความผิดปกติของกระดูกได้

MRI (Magnetic Resonance Imaging): ให้ภาพรายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อนและขอบเขตของเนื้องอกได้ดีที่สุด

CT Scan (Computed Tomography): ช่วยประเมินการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังปอดหรืออวัยวะอื่น

Bone Scan: ช่วยตรวจหาการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังกระดูกส่วนอื่นๆ

PET Scan (Positron Emission Tomography): ช่วยประเมินการแพร่กระจายของมะเร็งทั่วร่างกาย

การตรวจเลือด: เพื่อดูค่าการทำงานของร่างกาย และค่าเอนไซม์บางชนิดที่อาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งกระดูก (เช่น Alkaline Phosphatase)

การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): เป็นการวินิจฉัยที่แน่นอนที่สุด แพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากกระดูกที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อยืนยันชนิดของมะเร็งและความรุนแรง


การรักษา
แนวทางการรักษามะเร็งกระดูกขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค ตำแหน่ง ขนาดของเนื้องอก อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยทั่วไปจะมีการรักษาหลักๆ ดังนี้:

การผ่าตัด (Surgery):

เป็นการรักษาหลักที่สำคัญที่สุดในมะเร็งกระดูกปฐมภูมิ มีเป้าหมายในการ กำจัดเซลล์มะเร็งออกให้หมด พร้อมกับเนื้อเยื่อรอบๆ ที่อาจมีเซลล์มะเร็งปะปนอยู่ (Wide Excision)

Limb-sparing surgery (การผ่าตัดรักษาแขนขา): เป็นวิธีที่นิยมในปัจจุบัน โดยจะผ่าตัดเอาเฉพาะส่วนของกระดูกที่เป็นมะเร็งออก แล้วใส่กระดูกเทียม หรือกระดูกจริงที่ผ่านการฆ่าเชื้อมะเร็งแล้วกลับเข้าไปแทนที่ เพื่อรักษาสภาพแขนขาของผู้ป่วยไว้ ไม่ต้องตัดแขนขา

Amputation (การตัดแขนขา): ในบางกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดแบบ Limb-sparing ได้ หรือมะเร็งรุนแรงมาก อาจจำเป็นต้องตัดแขนขา

ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy):

มักใช้ร่วมกับการผ่าตัด

ก่อนการผ่าตัด (Neoadjuvant Chemotherapy): เพื่อทำให้เนื้องอกยุบตัวลง ลดขนาดลง ทำให้ผ่าตัดได้ง่ายขึ้น และลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

หลังการผ่าตัด (Adjuvant Chemotherapy): เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลืออยู่และลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ

การฉายรังสี (Radiation Therapy):

ใช้รังสีพลังงานสูงในการทำลายเซลล์มะเร็ง

อาจใช้ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดออกได้ทั้งหมด หรือใช้ร่วมกับการผ่าตัดและเคมีบำบัด

มีบทบาทสำคัญใน Ewing Sarcoma หรือในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจาย

การบำบัดแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) และภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy):

เป็นการรักษาที่ใหม่กว่า และอาจใช้ในบางกรณีที่มะเร็งไม่ตอบสนองต่อการรักษามาตรฐาน หรือมีการกลายพันธุ์ที่จำเพาะเจาะจง

การพยากรณ์โรค
การพยากรณ์โรคของมะเร็งกระดูกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค (มีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายหรือไม่) ขนาดของเนื้องอก การตอบสนองต่อการรักษา และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย หากตรวจพบเร็วและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสในการหายขาดก็มีสูงขึ้นค่ะ

หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดค่ะ

7
จัดฟันบางนา: จัดฟันแบบใส ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ออกแบบครั้งเดียว จบ

การเข้ารับการจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ด้วยการออกแบบและการวางแผนการรักษาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ถือว่าเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการรักษามีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น นี่ก็เป็นข้อดีที่ทำให้การเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้รับความสนใจมาก ซึ่งโดยปกติแล้วการเข้ารับการจัดฟันไม่ว่าในรูปแบบใดก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การรับประทานอาหาร จนกระทั่งการทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพราะผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไป มีเครื่องมือการจัดฟันติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก ทำให้เรารับประทานอาหารได้ลำบากและจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อนนุ่ม เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อเครื่องมือการจัดฟันที่อาจจะหลุดได้ขณะรับประทานอาหารและในการแปรงฟัน หากมีเครื่องมืออยู่ภายในช่องปากก็จะสามารถทำความสะอาดได้ยากและอาจทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง

ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุได้ แต่ไม่การเข้ารับการจัดฟันแบบใส หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า สามารถถอดเครื่องมือเข้าออกได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหาร จึงทำให้เราสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่และหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟันด้วย สำหรับในการทำความสะอาดช่องปากและฟันก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ สามารถแปรงฟันได้สะอาดมากยิ่งขึ้นเพราะไม่มีเครื่องมือที่เป็นอุปสรรคในการทำความสะอาดสามารถทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม และยังสามารถใช้ไหมขัดฟันร่วมกับการแปรงฟันได้ นี่ก็เป็นข้อดีที่เห็นได้ชัดว่า การจัดฟันแบบใส มีความแตกต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด


นอกจากนี้ ในเรื่องของการรักษาก็มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เพราะไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยๆ เพื่อเปลี่ยนเครื่องมือการจัดฟัน เพราะการจัดฟันแบบใสมีเครื่องมือการจัดฟันที่สามารถถอดออกได้และเป็นการออกแบบเครื่องมือโดยเฉพาะบุคคล ทำให้มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สำหรับใครที่สงสัยว่า การจัดฟันแบบใสนั้นมีขั้นตอนอย่างไร และที่เคยได้ยินว่ามีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนนั้น เป็นอย่างไรวันนี้ทางคลินิก ของเราจะมาพูดถึงประเด็นที่ว่าการจัดฟันแบบใส มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนและออกแบบเครื่องมือครั้งเดียวจริงหรือ

เราจะต้องอธิบายก่อนว่า การรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสนั้น ก่อนการรักษาทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์ปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันว่ามีปัญหามากน้อยแค่ไหนและจะทำการวางแผนการรักษาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเห็นการทำงานของเครื่องมือการจัดฟันว่าสามารถเคลื่อนตัวไปยังในตำแหน่งที่ต้องการได้หรือไม่ นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการจัดฟันยังสามารถออกแบบรอยยิ้มได้ด้วยตนเอง สามารถวางแผนร่วมกับทันตแพทย์ได้ ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีผลการรักษาที่พึงพอใจและในขั้นตอนการรักษานั้นก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะในการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์ปัญหาและออกแบบเครื่องมือการจัดฟันก่อนเข้ารับการรักษา ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยๆ หรือบางครั้งที่ต้องเดินทางมาพบทันตแพทย์ก็จะเป็นการรับเครื่องมือชุดต่อไปเท่านั้น เพราะเครื่องมือการจัดฟันทันตแพทย์ออกแบบโดยเฉพาะบุคคลและออกแบบได้ครั้งเดียวและใช้ไปได้ตลอดการจัดฟัน

ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าพบทันตแพทย์ใบบ่อย นี่ก็เป็นข้อดีและความสะดวกสบายของผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ต่างจากการเข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไปที่จะต้องทำการตรวจและปรับเครื่องมือทุกเดือน เพื่อให้ฟันเคลื่อนตัวไปในตำแหน่งที่ทันตแพทย์ได้วางแผนเอาไว้ บางครั้งอาจจะมีการถอนฟันร่วมด้วย ซึ่งหากเทียบกับการจัดฟันแบบใสแล้วต้องบอกว่าการจัดฟันแบบทั่วไปนั้น ยังมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากกว่า ดังนั้น จึงเป็นการยืนยันว่าการเข้ารับการจัดฟันแบบใสจะช่วยทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีความสะดวกสบายเพราะการรักษาไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยากและสามารถออกแบบเครื่องมือการจัดฟันได้ครั้งเดียว

สำหรับใครที่อยากเข้ารับการจัดฟันแบบใสสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำแรกที่คลินิกของเราเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันและการทันตกรรมอื่นๆ ทั้งยังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการการจัดฟันแบบใสได้ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความมั่นใจว่า เมื่อเข้ารับการรักษากับทางคลินิก แล้วจะมีความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงจะมั่นใจได้ว่าคุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามและมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีรวมไปถึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติด้วย

8
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


9
townhouse คิว ดิสทริค สุขสวัสดิ์ 76 (Q District Suksawas 76)
เริ่มต้น 2.7 ลบ. - 8 ลบ.

คิว ดิสทริค สุขสวัสดิ์ 76 (Q District Suksawas 76)
เหนือระดับด้วยบ้านสไตล์อังกฤษที่ลงตัว รวม 2 รูปแบบบ้านระดับพรีเมี่ยม ทั้งบ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่คิดให้ครบ รองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไว้ในอาณาจักรเดียวกัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางอย่างครบครัน โครงการฯ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ โซนสุขสวัสดิ์ (ซอยสุขสวัสดิ์ 76) สะดวก สู่ใจกลางเมือง ด้วยทางเลือกการเดินทางที่หลากหลาย

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                      คิว ดิสทริค สุขสวัสดิ์ 76 (Q District Suksawas 76)
 เจ้าของโครงการ             ควอลิตี้เฮ้าส์
 แบรนด์ย่อย                      คิว ดิสทริค
 ราคา                                     เริ่มต้น 2.7 ลบ. - 8 ลบ.

 ประเภทบ้าน                     บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล                  บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ                 50 ไร่
 จำนวนบ้าน                         462 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด           3 แบบ
  เนื้อที่บ้าน                         ตั้งแต่ 18 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย                      ตั้งแต่ 113 ถึง 182 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                            2 ชั้น
 หน้ากว้าง                            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน                ตั้งแต่ 2 ถึง 3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ                2 คัน
 สาธารณูปโภค                   สวนสาธารณะ, สระว่ายน้ำ (ระบบเกลือ), ฟิตเนส, รปภ., CCTV, Keycard System (Easy Pass), Co-working space

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน             สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง            ซอยสุขสวัสดิ์ 76 ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

 ขนส่งสาธารณะ                     ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สถานี(เตาปูน - ราษฏร์บูรณะ)(ครุใน)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
เซ็นทรัลพลาซาพระราม 3
เซ็นทรัลพลาซาพระราม 2
บิ๊กซีสุขสวัสดิ์
โรงเรียนสารสาสน์สมุทรสาร
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศศึกษา
โรงเรียนสวนกุหลาบธนบุรี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
โรงพยาบาลบางปะกอก
โรงพยาบาลเปาโลพระประแดง

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: หลอดเลือดแดงขาตีบ (Peripheral artery disease/PAD)

หลอดเลือดแดงขาตีบ (Peripheral artery disease/PAD)* ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis)

โรคนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มพบได้ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี และยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งพบได้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน หรือผู้ที่สูบบุหรี่ มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคนี้

นอกจากนั้นอาจพบในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะอ้วน

มักพบร่วมกับโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะหลอดเลือดแดงตีบอื่น ๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวายเรื้อรัง ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย (องคชาตไม่แข็งตัว) เป็นต้น

*Peripheral artery disease/Peripheral arterial disease/PAD ซึ่งแปลว่า หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบนั้น หมายถึง หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงแขนหรือขาเกิดการตีบแคบลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงแขนหรือขาไม่ได้
ภาวะนี้มักเกิดที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงขา เรียกว่า "หลอดเลือดแดงขาตีบ"
ในบทนี้จึงขอกล่าวถึงเฉพาะเรื่อง "หลอดเลือดแดงขาตีบ"


สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็งจากการมีตะกรันไขมันเกาะที่ภายในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบลง เลือดไปเลี้ยงขาและปลายเท้าได้น้อยลง

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงขาแข็งและตีบที่สำคัญ ได้แก่ เบาหวาน การสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากปัจจัยอื่น ได้แก่ อายุ (มากกว่า 50 ปี) ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูงหรือผิดปกติ ภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 กก./ตร.ม.) ภาวะโฮโมซีสตีนในเลือดสูง (hyperhomocysteinemia) โรคไตเรื้อรัง มีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคหลอดเลือดแดงขาตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หรือโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน (อัมพฤกษ์ อัมพาต)

โรคนี้ส่วนน้อยอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การฉายรังสี การบาดเจ็บที่ขา การอักเสบของหลอดเลือดแดงขา (ซึ่งอาจพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของ โรคหลอดเลือดแดงขมับอักเสบ) เป็นต้น

นอกจากนี้ อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นที่ขา เช่น กลุ่มอาการหลอดเลือดแดงขาพับถูกกดทับ (popliteal entrapment syndrome) ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นกดทับถูกหลอดเลือดแดงที่บริเวณขาพับ ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้ค่อนข้างน้อย และพบได้ในคนอายุน้อยหรือวัยหนุ่มสาว


อาการ

ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดแดงขาตีบในระยะแรกอาจไม่มีอาการ ซึ่งตรวจพบได้จากการตรวจเช็กสุขภาพจากแพทย์

ผู้ป่วยจะแสดงอาการเมื่อมีการตีบของหลอดเลือด เกินร้อยละ 50

อาการเริ่มแรกที่พบบ่อย คือ ขาข้างที่ผิดปกติมีอาการปวดเวลาเดินไปได้สักพักหนึ่ง หรือเวลาเดินขึ้นบันได มักมีอาการปวดหน่วง ๆ ที่น่อง บางคนอาจปวดที่ต้นขาหรือสะโพกร่วมด้วย (ซึ่งขึ้นกับตำแหน่งที่ตีบตันของหลอดเลือด) อาการอาจเกิดที่ขาเพียงข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างก็ได้

อาการปวดจะทุเลาได้เองเมื่อผู้ป่วยหยุดพักการเดินสัก 2-3 นาที แต่เมื่อเดินต่อสักพักก็จะกำเริบอีก หากยังฝืนเดินต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะปวดมากขึ้น จนอาจเดินขาลาก ทำให้ผู้ป่วยจำเป็นต้องหยุดเดิน

ทั้งนี้เนื่องจากการเดิน กล้ามเนื้อขาต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นจากขณะพัก (ไม่ได้เดิน) แต่เพราะหลอดเลือดแดงขาตีบ เลือดจึงไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อขาได้พอกับความต้องการ เราเรียกอาการปวดขาในลักษณะนี้ว่า "อาการปวดขาเป็นระยะเพราะขาดเลือด (intermittent claudication)"

บางคนอาจไม่มีอาการปวดขาเป็นระยะดังกล่าว แต่อาจมีเพียงอาการหนักขา ขาไม่มีแรงหรือขาอ่อน ทำให้คิดว่าเป็นเพียงอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการเดิน หรือจากอายุที่มากขึ้น

บางรายอาจมีอาการเป็นตะคริวที่น่องบ่อย ซึ่งอาจเกิดขึ้นแม้แต่ในช่วงเข้านอนตอนกลางคืน

เมื่อหลอดเลือดแดงขาตีบมากขึ้น ก็จะมีอาการปวดขามากขึ้น เดินได้ระยะสั้นกว่าเดิมก็จะมีอาการปวด ทำให้ผู้ป่วยเดินได้ช้าลง หรือเดินไกลไม่ได้ มีผลทำให้ดำเนินชีวิตได้ไม่ปกติ หรือเล่นกีฬาที่ต้องเดินไม่ได้

หากปล่อยไว้จนมีการตีบของหลอดเลือดที่รุนแรง ก็จะมีอาการปวดขา แม้อยู่เฉย ๆ หรือเวลานอนราบหรือยกเท้าสูง อาจเป็นมากถึงขั้นนอนไม่หลับ

นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการอื่น ๆ ตามมา ได้แก่ ขาข้างที่เป็นมีอาการชาหรืออ่อนแรง ซีดกว่าปกติ หรือมีสีผิวเปลี่ยนไป คลำดูขาข้างที่เป็นรู้สึกเย็นกว่าปกติ ผิวหนังที่บริเวณขาดูมันวาวกว่าปกติ ขนและเล็บงอกช้ากว่าขาข้างที่ปกติ เกิดแผลที่ปลายเท้าเรื้อรังและหายยาก กล้ามเนื้อขาลีบลงกว่าปกติ ชีพจรที่ขาและเท้าของขาข้างที่เป็นคลำได้เบาหรือไม่ได้

ผู้ชายบางคนอาจมีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย (องคชาตไม่แข็งตัว) ร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อยคือ การเป็นแผลเรื้อรังที่ขา อาจเกิดการติดเชื้อ และกลายเป็นเนื้อตายเน่า (gangrene) ซึ่งอาจจำเป็นต้องตัดนิ้วเท้าหรือข้อเท้า เกิดความพิการได้ มักพบในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้รักษาอย่างจริงจัง

ผู้ป่วยมักมีภาวะหลอดเลือดแดงตีบที่อวัยวะอื่นร่วมด้วย หากปล่อยไว้ก็อาจเกิดโรคอื่น ๆ ตามมา ที่สำคัญ ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (พบได้ประมาณร้อยละ 30-50 ของผู้ที่เป็นหลอดเลือดแดงขาตีบ) โรคหลอดเลือดสมอง (พบได้ประมาณร้อยละ 15-25 ของผู้ที่เป็นหลอดเลือดแดงขาตีบ) หลอดเลือดแดงไตตีบ (renal artery stenosis) ไตวายเรื้อรัง

ในรายที่มีการตีบของหลอดเลือดแดงขาที่รุนแรง อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงขาแทรกซ้อนอย่างเฉียบพลัน ทำให้ขาเกิดภาวะขาดเลือดอย่างรุนแรง เกิดภาวะที่เรียกว่า "Acute limb ischemia (ALI)" ขาข้างที่เป็นจะมีอาการปวด (ขณะพักอยู่เฉย ๆ) ซีด เย็น ชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง และชีพจรเบา ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล และมีความเสี่ยงต่อการเกิดความพิการจากการตัดขา หรือการเสียชีวิต


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการและสิ่งตรวจพบ ได้แก่ การคลำชีพจรที่เท้าพบว่าเบาหรือคลำไม่ได้ เท้าซีดและเย็นกว่าปกติ กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง กล้ามเนื้อขาลีบลงกว่าปกติ แผลเรื้อรังที่เท้า

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดด้วยการตรวจพิเศษ เช่น ทำการทดสอบด้วยการวัดความดันโลหิตที่เท้าเทียบกับที่ต้นแขน ดังที่เรียกว่า "Ankle-Brachial Index (ABI) Test" ซึ่งมักพบว่าความดันโลหิตที่เท้ามีค่าต่ำกว่าที่ต้นแขน (ค่า ABI < 0.90) มีค่ายิ่งต่ำ แสดงว่าโรคยิ่งรุนแรง, การตรวจวัดการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดแดงขาด้วยอัลตราซาวนด์ (Doppler ultrasound), การถ่ายภาพหลอดเลือด (angiography) ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, การตรวจเลือด (ดูระดับน้ำตาล ไขมัน) เป็นต้น

ในรายที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงขาตีบ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคไตเรื้อรัง เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้ยารักษาโรคที่เป็นสาเหตุ (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง), ให้ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน, โคลพิโดเกรล (clopidogrel) ป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดจับเป็นลิ่มอุดตันหลอดเลือด, ให้ยาเพิ่มการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงขา (เช่น cilostazol ลดอาการปวดขาเป็นระยะเพราะขาดเลือด ช่วยให้เดินได้ระยะไกลขึ้น) เป็นต้น

นอกจากนี้แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรม เช่น งดบุหรี่, ลดอาหารหวาน มัน เค็ม, ลดน้ำหนัก, ผ่อนคลายความเครียด, ออกกำลังกาย

แพทย์อาจแนะนำให้ออกกำลังด้วยการเดินวันละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 4-5 วัน เดินด้วยความเร็วตามปกติ เมื่อสังเกตว่าเริ่มมีอาการปวดขาให้หยุดเดิน เมื่อรู้สึกทุเลาปวดให้เดินต่อ เดิน ๆ หยุด ๆ สลับกันจนครบ 30-45 นาที การเดินช่วยให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงขาได้มากขึ้น ทำให้เดินได้ไกลขึ้น

หากการรักษาข้างต้นไม่ได้ผล แพทย์อาจทำการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดบายพาส (โดยใช้หลอดดำของผู้ป่วยเอง หรือหลอดเลือดเทียม), การทำบัลลูนและใส่หลอดเลือดตาข่าย (stent) ค้ำยันภายในหลอดเลือด, การฉีดยาละลายลิ่มเลือดเข้าไปในหลอดเลือดตรงจุดที่มีลิ่มเลือดอุดตัน

ผลการรักษา หากได้รับการวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ก่อนมีอาการแสดง และไม่มีโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองร่วมด้วยอย่างต่อเนื่อง มักได้ผลดี

แต่ถ้าได้รับการรักษาในระยะที่มีอาการ ผลการรักษาขึ้นกับสภาพของผู้ป่วย ในรายที่มีหลอดเลือดหัวใจหรือสมองตีบร่วมด้วย ก็อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดความพิการหรือการเสียชีวิตจากโรคเหล่านี้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดขาเวลาเดินหรือขึ้นบันได เป็นตะคริวที่น่องบ่อย ปวดขาตอนนอนราบหรือตอนกลางคืน ขามีลักษณะซีด เย็น กล้ามเนื้อขาลีบหรืออ่อนแรง หรือคลำชีพจรที่เท้ามีลักษณะเบาหรือคลำไม่ได้ มีแผลเรื้อรังที่ขา เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

นอกจากนี้ เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงขาตีบในระยะแรกมักจะไม่มีอาการแสดงใด ๆ ดังนั้น ผู้ที่สบายดี ไม่มีอาการปวดขาและอาการอื่นใด ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจกรองโรคนี้ ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้

    มีอายุมากกว่า 65 ปี
    มีอายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งป่วยเป็นเบาหวาน หรือสูบบุหรี่
    มีอายุน้อยกว่า 50  ปี ซึ่งป่วยเป็นเบาหวาน และมีปัจจัยเสี่ยงอื่นร่วมด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อ้วน เป็นต้น

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงขาตีบ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด

ข้อปฏิบัติตัว ที่สำคัญ ได้แก่ 

    งดบุหรี่
    ลดอาหารหวาน มัน เค็ม กินผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว เต้าหู้ ปลาให้มาก ๆ
    ลดน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักเกิน
    ผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกาย ด้วยการเดินให้มาก ๆ ตามวิธีที่แพทย์แนะนำ วันละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 4-5 วัน (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "การรักษา" ด้านบน)
    หมั่นดูแลเท้าไม่ไห้เกิดแผล (เช่น ระมัดระวังในการตัดเล็บ สวมใส่รองเท้าที่พอดีกับเท้า ระวังไม่ให้ถูกของมีคมบาด) เพราะหายยากเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง
    หลีกเลียงการซื้อยามาใช้เอง เนื่องเพราะยาบางชนิด เช่น กลุ่มสูโดเอฟีดรีน (pseudoephedrine) ซึ่งนิยมใช้รักษาโรคหวัด คัดจมูก โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ อาจทำให้หลอดเลือดตีบมากขึ้น ปวดขามากขึ้นได้


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดขามากขึ้น
    ขามีลักษณะซีด เย็น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา หรือเป็นแผลเรื้อรัง
    มีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่น เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือแขนขาซีกหนึ่งมีอาการชาหรืออ่อนแรง
    ขาดยาหรือยาหาย
    สงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์ให้กิน เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ใจสั่น ท้องเดิน เป็นต้น
    มีความวิตกกังวล

การป้องกัน

    ไม่สูบบุหรี่
    รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
    ลดอาหารมัน หวาน เค็ม กินผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว เต้าหู้ ปลาให้มาก ๆ
    ถ้าเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง ควรดูแลรักษาให้สามารถควบคุมโรคได้ดีอย่างต่อเนื่อง

ข้อแนะนำ

1. ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงขาตีบจะรู้สึกสบายดี ไม่มีอาการปวดขาและอาการผิดปกติอื่นใด จะมีอาการปวดขาเมื่อหลอดเลือดตีบมากแล้ว และอาจมีโรคหลอดเลือดหัวใจหรือสมองตีบแฝงอยู่ร่วมด้วย (โดยไม่มีอาการ) ดังนั้นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบ ถึงแม้สบายดีก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจกรองโรค และรับการรักษาแต่เนิ่น ๆ

2. โรคนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "สาเหตุ" ด้านบน) ที่สำคัญ ได้แก่ การเป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ การสูบบุหรี่ การมีอายุมาก ยิ่งมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และป่วยเป็นโรคเบาหวาน ร่วมกับการสูบบุหรี่ หรือความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากขึ้น ดังนั้น ควรป้องกันการเกิดโรคนี้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยงให้มากที่สุด (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "การป้องกัน" ด้านบน)

3. โรคนี้มีความรุนแรงค่อนข้างมาก เนื่องเพราะมักตรวจพบเมื่อผู้ป่วยมีอาการปวดขาแล้ว และขามักมีภาวะขาดเลือดเรื้อรังมานาน มักทำให้เกิดแผลเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน ถึงขั้นต้องตัดขา นอกจากนี้ อาจพบโรคหลอดเลือดหัวใจหรือสมองตีบร่วมด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของความพิการหรือการเสียชีวิตจากโรคเหล่านี้

4. ผู้ที่มีอาการปวดขาหรือเป็นตะคริวบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง อย่าชะล่าใจว่าเป็นเพียงอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือไม่เป็นอะไรมาก แต่ควรไปปรึกษาแพทย์เพี่อตรวจให้แน่ใจว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงขาตีบหรือไม่

12
ปล่อยรถราคาพิเศษ Mercedes-Benz E 350e Avantgarde ปี 2020

Mercedes-Benz E 350e Avantgarde ปี 2020 เป็นรถยนต์ซีดานหรูแบบ Plug-in Hybrid (PHEV) ในตระกูล E-Class (W213) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริหารและผู้ที่มองหารถยนต์พรีเมียมที่ประหยัดน้ำมันและสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 13 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
รถออกดีลเลอร์ Mercedes-Benz Thailand
รถมี Warranty ถึง 14-11-2022

ราคาพิเศษ 1,299,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

มิติตัวถัง
ความยาว: 4,923 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 1,852 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,468 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ: 2,939 มิลลิเมตร
ความจุถังน้ำมัน: 60 ลิตร
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย: 370 ลิตร (เนื่องจากต้องเก็บแบตเตอรี่)

ขุมพลังและสมรรถนะ (Plug-in Hybrid)
Mercedes-Benz E 350e Avantgarde ปี 2020 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า:

เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จ พร้อม Intercooler ขนาด 2.0 ลิตร (1,991 ซีซี)
กำลังสูงสุด (เครื่องยนต์): 211 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด (เครื่องยนต์): 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200 – 4,000 รอบ/นาที

มอเตอร์ไฟฟ้า:
กำลังสูงสุด (มอเตอร์ไฟฟ้า): 88 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด (มอเตอร์ไฟฟ้า): 440 นิวตันเมตร
กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ: 286 แรงม้า (PS)
แรงบิดรวมสูงสุดทั้งระบบ: 550 นิวตันเมตร
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC PLUS)
แบตเตอรี่: Lithium-ion
ความจุแบตเตอรี่: 13.5 kWh
ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน: ประมาณ 33 กิโลเมตร (ตามข้อมูล NEDC)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย: ประมาณ 40 – 47 กม./ลิตร (ตามข้อมูล ECO Sticker)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 6.3 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 250 กม./ชม.



13
motor show 2025: Hyundai ยกขบวนรถผู้บริหารไมล์น้อย ลดสูงสุดกว่า 900,000 บาท! ใน Hyundai Executive Car, Clearance Sale

ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ขอเชิญสัมผัสประสบการณ์เลือกซื้อรถยนต์ผู้บริหารไมล์น้อยคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่คุ้มเกินคาด Hyundai Executive Car, Clearance Sale ครั้งแรกของงานรถไมล์น้อยป้ายแดงและรถยนต์จัดแสดงสภาพเยี่ยมจากฮุนได พร้อมข้อเสนอสุดเร้าใจ จัดเต็มครบทุกรุ่นทุกเซกเมนต์ โอกาสดี ๆ มีแค่ 2 วันเท่านั้น วันที่ 21–22 มิถุนายนนี้เท่านั้น ณ โชว์รูม Hyundai H-Space วิภาวดี 8 โมงเช้า ถึง 8 โมงเย็น จำนวนจำกัด
 
พบกับยนตรกรรมระดับเรือธง ทั้งรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปยอดนิยม อาทิ CRETA, STARGAZER, SANTA FE, PALISADE และ STARIA หรือหากคุณกำลังมองหานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่คว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วอย่าง IONIQ 5 และ IONIQ 6 ก็พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของในราคาสุดพิเศษ ไฮไลต์สำคัญของงานนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ราคาที่เร้าใจ แต่คือความคุ้มค่าระดับสูงสุด ที่ลูกค้าจะได้รับรถยนต์ทุกคันมาพร้อมการรับรองคุณภาพจากศูนย์บริการมาตรฐานฮุนได ดูแลอย่างพิถีพิถัน เสมือนใหม่ พร้อมการรับประกันหลังการขายแบบเดียวกับรถใหม่ป้ายแดง

ไฮไลต์จากงาน Hyundai Executive Car Clearance Sale ราคาสุดเฉพาะในงาน*

STARGAZER Smart 6 ราคาพิเศษ 499,000 บาท*
STARIA Premium with Sunroof ส่วนลดสูงสุด 550,000 บาท*
CRETA Smart ราคาพิเศษ 699,000 บาท*
SANTA FE Exclusive ส่วนลดสูงสุด 550,000 บาท*
PALISADE Exclusive ส่วนลดสูงสุด 400,000 บาท*
IONIQ 5 First Edition ส่วนลดสูงสุด 900,000 บาท*
IONIQ 6 ราคาพิเศษ 1,599,000 บาท*
จำนวนรถมีจำกัด อย่าพลาดโอกาสเดียวในรอบปีที่จะได้ครอบครองยนตรกรรมระดับพรีเมียม ในราคาที่คุณสัมผัสได้ พร้อมคุณภาพที่ไว้ใจได้จริง แล้วพบกันที่ ฮุนได H-Space วิภาวดี 08.00-20.00น. 21-22 มิถุนายน 68

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท กำหนด เฉพาะรุ่นและสีรถที่ร่วมรายการ

14
จัดฟันบางนา: ประเภทของการ จัดฟันแบบใส invisalign

การจัดฟันแบบใส invisalign เป็นการนำนวัตกรรมของอเมริกาเข้ามาช่วยในการรักษา ด้วยการออกแบบจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน จนไปถึงขั้นตอนการรักษา ถือเป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางคลีนิค เรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์มาอย่างยาวนาน จึงสามารถวางแผนการรักษาของผู้เข้ารับการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดฟันแบบใส invisalign มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสภาพช่องปากของแต่ละบุคคลและผลการวินิจฉัยของทันตแพทย์ ว่า สภาพฟันของผู้เข้ารับการรักษาเหมาะสมที่จะทำการ จัดฟันแบบใส invisalign ในรูปแบบใด โดยมี 3 รูปแบบคือ การจัดฟันแบบใส invisalign full โดยการจัดฟันแบบนี้ จะมีเครื่องมือ 15 ชิ้นขึ้นไป ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันค่อนข้างมาก การจัดฟันแบบนี้จะสามารถแก้ปัญหาฟันได้ทุกกรณี ใช้เวลาการจัด 6 เดือนขึ้นไป

รูปแบบต่อมาคือ การจัดฟันแบบใส invisalign lite ใช้เครื่องมือการจัดฟันตั้งแต่ 7-14 ชิ้น เหมาะกับผู้ที่เคยเข้ารับการจัดฟันมาก่อน มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อย ใช้เวลาการจัดฟันประมาณ 4 เดือน และรูปแบบสุดท้าย การจัดฟันแบบใส invisalign i7 ซึ่งการจัดฟันแบบนี้จะมีเครื่องมือการจัดฟันเพียง 7 ชิ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย ทันตแพทย์ของเราจะทำการช่วยเรียงฟันให้เข้ารูปเป็นปกติ ทั้งนี้เรามีเจ้าหน้าที่คอยให้กับปรึกษาและแนะนำ หากต้องการจัดฟันแบบใส invisalign



การจัดฟันแบบใส นิยมในหมู่ดารา นักแสดง ทั่วโลก !

การจัดฟันแบบใส ถือเป็นการทำทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ด้วยเป็นการจัดฟันที่ได้ผล มีประสิทธิภาพสูง และมีการใช้งานที่สะดวกสบาย เพราะสามารถถอดออกได้ ในเวลาที่รับประทานอาหาร ซึ่งจะทำให้มีความหลากหลายในการรับประทานอาหาร โดยไม่ต้องกังวลว่า เครื่องมือจะหลุด หรือจะกเดิปัญหาใด นี่ถือเป็นข้อดีของการจัดฟันแบบนี้

นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใส invisalign ถูกออกแบบมาให้ไม่เห็นเครื่องมือการจัดฟัน ซึ่งถือว่า ทำให้ผู้เข้ารับการรักษานั้น มีความสะดวกสบาย และไม่เสียบุคคลิกภาพ เหมือนการจัดฟันแบบใส่เหล็กจัดฟัน ที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นพูดไม่ชัด และอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองภายในช่องปาก เนื่องจากเครื่องมือที่อาจจะบาดช่องปากได้ ซึ่งการจัดฟันแบบใส invisalign นิยมมากในหมู่ดารา นักแสดง หรืออาชีพที่ต้องใช้หน้าตาและบุคลิกภาพที่ดี เช่น ผู้ประกาศข่าว หรือพิธีกร ซึ่งมีข้อดีคือ มองเห็นเครื่องมือได้ยาก และสะดวกสบาย

ทั้งนี้เรามีบริการการจัดฟันแบบใส invisalign โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และได้การรองรับจากอเมริกา ที่จะออกแบบรูปแบบของการจัดฟันมาเฉพาะบุคคลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงเครื่องไม้เคื่องมือที่ทันสมัย สะอาด และมีเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำปรึกษา คำแนะนำ ก่อนเข้ารับการรักษา รวมไปถึงการบริการอย่างครบวงจร ซึ่งจะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกประทับใจ หลังจากที่ได้รับการรักษาจากคลีนิคของเรา

15
หมอออนไลน์: ริดสีดวงตา (Trachoma)

ริดสีดวงตา เป็นโรคตาอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อยในพื้นที่ที่แห้งแล้ง กันดาร มีฝุ่นมาก และมีแมลงหวี่แมลงวันชุกชุม

การอักเสบจะเป็นเรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี และอาจติดเชื้ออักเสบซ้ำ ๆ หลายครั้ง เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้มักมีอยู่เพียงชั่วคราว ทำให้เกิดแผลเป็นที่บริเวณเปลือกตาบน ซึ่งจะดึงรั้งให้เปลือกตาม้วนเข้าด้านใน ทำให้ขนตาแยงเข้าด้านในไปตำถูกกระจกตาเกิดการอักเสบและเป็นแผลกระจกตา ทำให้ตาบอดได้

ปัจจุบันพบได้ประปรายในบ้านเรา พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบมากในเด็กก่อนวัยเรียนที่พ่อแม่ปล่อยให้เล่นสกปรก

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อริดสีดวงตาซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลามีเดียทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) ติดต่อโดยการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ทำให้เชื้อจากคนที่เป็นโรคแพร่ไปเข้าตาของอีกคนหนึ่ง บางครั้งอาจติดต่อผ่านทางผ้าเช็ดตัว เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกัน หรือผ่านทางแมลงหวี่ แมลงวันที่มาตอมตา นำเชื้อจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง การติดต่อมักจะต้องอยู่ใกล้ชิดกันนาน ๆ จึงมักพบเป็นพร้อมกันหลายคนในครอบครัวเดียวกัน

เชื้อนี้จะเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุตาขาวและกระจกตา (ตาดำ)

ระยะฟักตัว 5-12 วัน


อาการ

แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่

1. ระยะแรกเริ่ม มีอาการเคืองตา คันตา น้ำตาไหล ตาแดงเล็กน้อย และอาจมีขี้ตา ซึ่งมักจะเป็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง อาการคล้ายกับเยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้ออื่น ๆ จนบางครั้งแยกกันไม่ออก แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพบว่ามีอาการเรื้อรังนาน 1-2 เดือน และอยู่ในท้องถิ่นที่มีโรคนี้ชุกชุม หรือมีคนในบ้านเป็นโรคนี้อยู่ก่อน ก็อาจให้การรักษาแบบโรคริดสีดวงตาไปเลย

ถึงแม้ไม่ได้รักษาในระยะนี้บางรายอาจหายได้เอง แต่บางรายอาจเข้าสู่ระยะที่ 2

2. ระยะที่เป็นริดสีดวงแน่นอนแล้ว การอักเสบจะลดน้อยลง ผู้ป่วยจะมีอาการต่าง ๆ ลดลงกว่าระยะที่ 1 แต่ถ้าพลิกเปลือกตาดู จะพบเยื่อบุตาหนาขึ้น และเห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่เยื่อบุตาบน (ด้านในของผนังตาบน) นอกจากนี้จะพบว่ามีแผ่นเยื่อบาง ๆ ออกสีเทา ๆ ที่ส่วนบนสุดของตาดำ (กระจกตา) ซึ่งจะมีหลอดเลือดฝอยวิ่งเข้าไปในตาดำ แผ่นเยื่อสีเทาซึ่งมีหลอดเลือดฝอยอยู่ด้วยนี้เรียกว่า แพนนัส (pannus) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ (เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้ อาจมีตุ่มเล็ก ๆ ที่เยื่อบุเปลือกตา แต่จะไม่มีแพนนัสที่ตาดำ)

ระยะนี้อาจเป็นอยู่นานเป็นแรมเดือน หรือแรมปี หากไม่ได้รับการรักษาก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3

3. ระยะเริ่มเป็นแผลเป็น ระยะนี้อาการเคืองตาลดน้อยลง จนแทบไม่มีอาการอะไรเลย ตุ่มเล็ก ๆ ที่เยื่อบุเปลือกตาบนเริ่มค่อย ๆ ยุบหายไป แต่จะมีพังผืดแทนที่กลายเป็นแผลเป็น ส่วนแพนนัสที่ตาดำยังคงปรากฏให้เห็น

ระยะนี้อาจกินเวลาเป็นแรมปี เช่นเดียวกับระยะที่ 2 การใช้ยารักษาในระยะนี้ไม่ค่อยได้ผล และจะเข้าสู่ระยะที่ 4

4. ระยะของการหายและเป็นแผลเป็น ระยะนี้เชื้อจะหมดไปเอง แม้จะไม่ได้รับการรักษา แพนนัสจะค่อย ๆ หายไป แต่จะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นรุนแรงทุกราย บางรายเป็นแล้วอาจหายได้เองในระยะแรก ๆ

ส่วนในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน มักจะมีการติดเชื้ออักเสบบ่อย ๆ ประกอบกับมีปัจจัยเสริมอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม ขาดอาหาร ขาดวิตามิน เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

การติดเชื้อมักเกิดขึ้นในวัยเด็ก หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกๆ ถึงแม้เชื้ออาจหายไปและอาการสงบลงแล้ว แต่ในระยะต่อมาซึ่งอาจนานเป็นปี ๆ คือในช่วงอายุมากขึ้นหรือเป็นผู้ใหญ่ ก็อาจเกิดอาการผิดปกติของตากำเริบบ่อยจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น

ที่พบบ่อย ได้แก่ แผลเป็นที่บริเวณเปลือกตาบน จะดึงรั้งให้เปลือกตาม้วนเข้าด้านใน เรียกว่า อาการขอบตาม้วนเข้า (entropion)* ทำให้ขนตาแยงเข้าด้านใน (ขนตาเก) ไปตำถูกกระจกตา เกิดการอักเสบ และเป็นแผลกระจกตา ทำให้สายตาพิการได้

แผลเป็นอาจอุดกั้นท่อน้ำตา ทำให้น้ำตาไหลตลอดเวลาหรือไม่ก็อาจทำให้ต่อมน้ำตาไม่ทำงานและตาแห้งได้

นอกจากนี้ อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เป็นปัจจัยเสริมให้เกิดแผลกระจกตาและความเรื้อรังของโรค

หากปล่อยปละละเลย หรือไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ก็อาจทำให้ตาบอดได้

*อาการขอบตาม้วนเข้า (entropion) นอกจากริดสีดวงตาแล้ว ยังอาจพบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่มีความเสื่อมสภาพของหนังตา ทำให้เปลือกตาม้วนเข้าด้านใน (ส่วนใหญ่จะเป็นที่ขอบตาล่าง) นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อ การอักเสบ การบาดเจ็บ หรือการมีแผลเป็นที่เปลือกตา ผู้ที่เป็นขอบตาม้วนเข้าในมักมีขนตาเกร่วมด้วย ควรแก้ไขด้วยการผ่าตัด

ส่วนขนตาเก (trichiasis) ซึ่งหมายถึงอาการขนตาแยงเข้าด้านในนั้น ยังอาจเกิดจากการติดเชื้องูสวัด กลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน การถูกสารเคมีหรือความร้อนที่เปลือกตา การบาดเจ็บ หรือการผ่าตัดเปลือกตา ควรแก้ไขด้วยการถอนขนตา หรือใช้ไฟฟ้าหรือความเย็นจี้ หรือฉายรังสี

นอกจากนี้ยังอาจพบความผิดปกติของเปลือกตาอีกชนิด คือ อาการขอบตาม้วนออก/ขอบตาแบะ (ectropion) ซึ่งพบที่ขอบตาล่าง มักพบเป็นความเสื่อมสภาพของหนังตาในผู้สูงอายุ อาจเกิดจากความผิดปกติโดยกำเนิด หรือพบร่วมกับโรคอื่น เช่น อัมพาตเบลล์ ตาโปนในผู้ป่วยคอพอกเป็นพิษ เป็นต้น ทำให้ปิดตาได้ไม่มิด ผิวกระจกตาแห้ง และอาจกลายเป็นแผลกระจกตา นอกจากนี้อาจอุดกั้นทางเดินน้ำตา ทำให้น้ำตาไหลมากกว่าปกติ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

ในระยะแรก มักตรวจพบว่าตาทั้ง 2 ข้างมีน้ำตาไหล ตาแดงเล็กน้อย และอาจมีขี้ตา

ระยะต่อมาพบเยื่อบุตาหนาขึ้น และเห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่เยื่อบุตาบน และแผ่นเยื่อสีเทาซึ่งมีหลอดเลือดฝอยอยู่ด้วย (ซึ่งเรียกว่า แพนนัส)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การขูดเยื่อบุตาย้อมสีด้วย Geimsa stain หรือ immunofluorescein, การเพาะเชื้อ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในระยะแรกที่มีการติดเชื้อ แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ได้แก่ อะซิโทรไมซิน (azithromycin) ซึ่งให้ผลดีและสะดวก คือ กินเพียงครั้งเดียว (เด็กให้ขนาด 20 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก., ผู้ใหญ่ขนาด 1 กรัม)

หรือใช้ยาป้ายตาเตตราไซคลีน วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เป็นเวลา 6 สัปดาห์

2. ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน เช่น ถ้ามีภาวะตาแห้งให้ใช้น้ำตาเทียม

ถ้ามีขอบตาม้วนเข้าจากแผลเป็นที่เปลือกตาบน หรือภาวะขนตาเกเข้า แพทย์จะทำการผ่าตัดแก้ไข

ในรายที่เป็นแผลเป็นที่กระจกตา อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา (corneal transplantation)

ผลการรักษา ถ้าได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะตั้งแต่ระยะแรก ๆ ก็จะหายเป็นปกติ และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน แต่ถ้าปล่อยให้มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นแล้ว ก็จะมีความยุ่งยากในการรักษา


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการคัน เคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงเล็กน้อย มีขี้ตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในท้องถิ่นที่มีโรคนี้ชุกชุม ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นริดสีดวงตา ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา ใน 1 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หมั่นล้างหน้าและล้างมือให้สะอาด โดยเฉพาะในเด็ก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงหวี่ แมลงตอมตา
    กำจัดแมลงหวี่แมลงวัน โดยไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด และกำจัดขยะให้ถูกวิธี
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
    หลีกเลี่ยงใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ในอดีตพบได้บ่อยและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตาบอด แต่ปัจจุบันพบได้น้อยลงมาก เนื่องจากประชาชนมีสุขนิสัยที่ดี และชุมชนสาธารณูปโภคที่ดีขึ้น รวมทั้งมีระบบสาธารณสุขที่กระจายทั่วถึงและมีการใช้ยาปฏิชีวนะที่กำจัดเชื้อริดสีดวงตาที่มีประสิทธิภาพ

2. โรคนี้ควรแยกออกจากเยื่อตาขาวอักเสบชนิดอื่น (ดู "เยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย, เยื่อตาขาวอักเสบจากไวรัส, เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้" เพิ่มเติม) ควรสงสัยเป็นริดสีดวงตา เมื่อมีอาการอักเสบเรื้อรังเป็นเดือน ๆ และอยู่ในท้องถิ่นที่มีโรคนี้ชุกชุม

3. คำว่าริดสีดวงตา ชาวบ้านหมายถึง อาการเคืองตา คันตาเรื้อรัง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการแพ้หรือจากการติดเชื้อริดสีดวงตา (trachoma) ก็ได้ ทั้ง 2 โรคนี้มีสาเหตุ อาการ ภาวะแทรกซ้อน และการรักษาต่างกัน

4. การรักษาริดสีดวงตา ต้องลงมือรักษาตั้งแต่ในระยะที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นระยะที่มีการติดเชื้อรุนแรง การใช้ยาปฏิชีวนะจะสามารถทำลายเชื้อ และป้องกันมิให้เกิดภาวะแทรกซ้อน (แต่ในระยะที่ 3 และ 4 เป็นระยะที่การติดเชื้อเบาบางลงแล้ว และเปลือกตาเริ่มเป็นแผลเป็น การใช้ยาปฏิชีวนะในระยะนี้จึงไม่ค่อยได้ประโยชน์ คือ ไม่สามารถลดหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้) และควรรักษาผู้ป่วยที่มีอยู่ในบ้านพร้อมกันทุกคน

หน้า: [1] 2 3 ... 69