ผู้เขียน หัวข้อ: ยางจัดฟันมีกี่แบบ พร้อมข้อดีของแต่ละประเภท  (อ่าน 100 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 597
  • ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม โพสฟรี
    • ดูรายละเอียด
ยางจัดฟันมีกี่แบบ พร้อมข้อดีของแต่ละประเภท
« เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2024, 13:58:44 น. »
ยางจัดฟัน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบลวด หรือจัดฟันแบบโลหะให้ความสนใจอย่างมาก เพราะจะต้องเปลี่ยนยางจัดฟันทุกเดือน และสามารถเปลี่ยนสียางจัดฟันได้ตามใจชอบ นับเป็นสิ่งที่ทำให้การจัดฟันแบบลวดมีสีสันมากยิ่งขึ้น แล้วยางจัดฟันมีกี่แบบ แต่ละแบบมีหน้าที่อะไรบ้าง เรามีคำตอบมาฝาก


ยางจัดฟันคืออะไรทำไมต้องมี

ยางจัดฟัน (Elastic) คือ ยางห่วงเล็ก ๆ ที่ทำมาเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์จัดฟันแบบโลหะอื่น ๆ โดยยางจัดฟันจะทำหน้าที่รัดตัวแบร็กเก็ตกับลวดให้อยู่กับที่ ช่วยให้ฟันเรียงตัวตามตำแหน่งที่ติดเครื่องมือไว้ อย่างไรก็ตาม ยางจัดฟันจะสูญเสียความยืดหยุ่นและเสื่อมสภาพหลังจากที่ใช้งานไปแล้ว ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบโลหะจึงควรเปลี่ยนยางจัดฟันทุกครั้งตามเวลาที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อทำให้ผลลัพธ์ของการจัดฟันมีประสิทธิภาพสูงสุด

ยางจัดฟันมีทั้งหมดกี่แบบ


1. ยางจัดฟันโอริง

ยางจัดฟันโอริง (O-Ring) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “โมดูล” หรือ “ยางมัดเครื่องมือ” คือ ยางจัดฟันที่ทำหน้าที่ยึดลวดกับแบร็กเก็ตเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อยึดเสร็จแล้ว ตัวลวดจะค่อย ๆ เคลื่อนฟันไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม มีลักษณะเป็นห่วงกลม มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยอาจผลิตจากปิโตรเคมีที่ทำมาจากสารโพลียูรีเทน (Polyurethane) หรือผลิตจากโพลีเอสเตอร์ (Polyester) ก็ได้


2. ยางจัดฟันแบบเชน

ยางจัดฟันแบบเชน (C-Chain) คือ ยางจัดฟันที่ทำหน้าที่เคลื่อนฟันที่อยู่ห่างกัน หรือมีช่องว่างเล็ก ๆ ให้ชิดติดกัน มีลักษณะต่อยาวเป็นเส้นเดียว หลายคนมักเข้าใจผิดว่า ยางจัดฟันแบบเชนจะช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะยางจัดฟันแบบเชนจะใช้ร่นระยะห่างของฟันเท่านั้น ในบางรายที่ไม่มีฟันห่างก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยางจัดฟันแบบเชนก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์


3. ยางดึงฟัน

ยางดึงฟัน (Elastic Rubber Bands) คือ ยางจัดฟันที่ทำหน้าที่ยึดระหว่างขากรรไกร หรือระหว่างซี่ฟัน เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทันตแพทย์จะทำการเกี่ยวยางในตำแหน่งต่าง ๆ แต่ละเดือนอาจมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งแตกต่างกันไป โดยผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถถอดและใส่ยางดึงฟันได้ด้วยตนเอง

ยางดึงฟันนั้น จะมีลักษณะเหมือนยางจัดฟันโอริง มีลักษณะเป็นห่วงกลม มีความยืดหยุ่นมากกว่า แต่จะต้องเปลี่ยนยางดึงฟันทุก ๆ 12 – 24 ชั่วโมงหลังการใส่ เพราะยางดึงฟันจะสูญเสียความยืดหยุ่น หมดแรงดึง และเสื่อมสภาพไป


ยางจัดฟันควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน

ยางจัดฟันจะช่วยเพิ่มแรงเคลื่อนฟัน ทำให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์ต้องการได้รวดเร็วขึ้น โดยยางจัดฟันแต่ละแบบจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งยางจัดฟันแบบโอริงและยางจัดฟันแบบเชนจะต้องเปลี่ยนทุกเดือน ในขณะที่ยางดึงฟันจะต้องเปลี่ยนทุก 12 – 24 ชั่วโมง เพราะยางจัดฟันจะสูญเสียการยืดหยุ่น และล้าจากแรงดึงฟัน หากผู้เข้ารับการจัดฟันไม่เปลี่ยนยางจัดฟันตามเวลาที่ทันตแพทย์กำหนดก็จะทำให้ประสิทธิภาพของการจัดฟันลดลง อีกทั้งยังก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันและช่องปากอื่น ๆ เช่น กลิ่นปาก คราบหินปูน หรือฟันผุ ตามมาได้ด้วย


สรุปประโยชน์ของยางจัดฟัน

ยางจัดฟัน ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ฟันเคลื่อนไปยังทิศทางที่ทันตแพทย์กำหนด ผู้เข้ารับการจัดฟันควรใส่ยางจัดฟันอย่างมีวินัย และเปลี่ยนยางจัดฟันทุก ๆ เดือน เพื่อการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพ และสุขภาพช่องปากที่ดี หากสนใจจัดฟันแบบลวด ให้ทันตแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการจัดฟันจากศูนย์ทันตกรรมทันตกิจดูแลคุณได้เลย การันตีคุณภาพด้วยประสบการณ์ดูแลรอยยิ้มของคนไทยมานานกว่า 77 ปี




ยางจัดฟันมีกี่แบบ พร้อมข้อดีของแต่ละประเภท อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/